วิเคราะห์ข่าว ผลกระทบของ IT 2011 ต่อ ตลาด PC

ผู้จัดทำ นางสาวณัฐธยาน์ ธนานพมนต์ YMBA31 รหัส 5320221057

flickr:5633374441

IDC เปิดเผยว่าผู้บริโภคกำลังปฏิเสธการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (personal computer) และเลือกที่จะใช้สมาร์ทโฟน (Smartphone) กับแท็บเล็ต (tablet) แทน โดยฟันธงว่า ยุคของการใช้พีซีเป็นศูนย์กลางของการทำงานกำลังจะล่มสลายในอีก 18 เดือนข้างหน้า!!!
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2011 ไม่ว่าจะเป็นบริการที่ใช้ระบบ Cloud computing และ Social computing เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริการลักษณะดังกล่าวตอบสนองต่อแพลตฟอร์มใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยในรายงานวิจัยฉบับดังกล่าวอธิบายว่า อุปกรณ์ บายอย่างเช่น สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตจะเป็นแพลตฟอร์มหลักของผู้บริโภคตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นไป ข้อสรุปจากรายงานอ้างว่า โมบายคอมพิวติ้งบนอุปกรณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่มีให้เลือกใช้อย่างมากมาย จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2011 ซึ่งเป็นตัวเร่งให้แพลตฟอร์มใหม่เกิดขึ้นแทนที่แพลตฟอร์มเดิม โดยทาง IDC คาดว่า การเติบโตของตลาดอุปกรณ์โมบายที่ไม่ใช่พีซีอย่างเช่น สมาร์ทโฟน มีเดียแท็บเล็ต ฯลฯ ที่สามารถใช้งานแอพฯต่างๆ ได้มากมาย จะมียอดจำหน่ายแซงหน้าตลาดคอมพิวเตอร์พีซีภายใน 18 เดือนข้างหน้านี้ ในขณะที่ไมโครซอฟท์กำลังพยายามผลักดัน Windows Phone 7 ให้เกิดในตลาดให้ได้ แถมยังอาจต้องเสี่ยงกับภาวะถดถอยของตลาดพีซีในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่า โอเอสอันดับหนึ่งของโลกอาจจะไม่ใช่ Windows อีกต่อไป แต่จะเป็น iOS และ Android แทน อย่างไรก็ตาม แม้ Google จะกุมอำนาจในโลกของเสิร์ช แผนที่ และบริการแอพฯในตลาดอุปกรณ์โมบายที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้แทรฟฟิกต่างๆ พุ่งไปยัง Google ประกอบกับบริการCloud Computing ของ Android ที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จมากกว่าระบบปฏิบัติการเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ Google อาจจะถูกแตะเบรคโดยรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากมีข้อพิพาทเรื่องความเป็นส่วนตัว และการผูกขาดทางการค้า ทางด้าน iOS ของ Apple จึงดูมีโอกาสไม่น้อยเหมือนกันที่จะครองบัลลังก์โอเอสอันดับหนึ่งของโลก งาน นี้คงต้องเฝ้าดูกันต่อไป
ในด้านยอดขาย พีซี นั้น ไอดีซีสรุปยอดขายพีซีใน ไตรมาส 4 ปี 2010 มีการเติบโตเพียง 2.7% จากที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตถึง 5.5% ด้วยจำนวน 92 ล้านเครื่อง ขณะที่การ์ดเนอร์ให้ข้อมูลว่า ไตรมาส 4 ยอดขายเครื่องพีซีทั่วโลก อยู่ที่ 93 ล้านเครื่อง ด้วยอัตราการเติบโต 3.1% จากเดิมคาดการณ์ว่า จะเติบโต 4.8% ทั้งการ์ดเนอร์และไอดีซีต่างอ้างว่า ปัจจัยหลักน่าจะมาจากความต้องการ ซื้อเครื่อง พีซีของผู้บริโภคลดลง เพราะไอแพดทำให้ผู้บริโภคเริ่มคิดหนักในการเลือกซื้ออุปกรณ์ไอที นอกจากนี้ตลาด พีซียังถูกรุกรานด้วยเครื่องเกมคอนโซล, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ไอทีอื่น ๆ ที่เข้ามาแย่งกำลังซื้อในตลาด แม้ว่า จะไม่ใช้อุปกรณ์ที่สามารถทดแทนกันได้ แต่ก็มีฟังก์ชั่นบางส่วนที่ใช้งานเหมือนกัน เช่น เล่นเกม ท่องอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ก็เข้ามาแย่งชิงกำลังซื้อในตลาดพีซีทั่วโลกไปมากกว่าที่คิดสำหรับยอดขายพีซีของปี 2010 ทางไอดีซีรายงานว่าอยู่ที่ประมาณ 346.2 ล้าน เครื่อง ขณะที่การ์ดเนอร์รายงานที่ตัวเลข 350.9 ล้านเครื่อง เฉลี่ยการเติบโตทั้งปี เพิ่มขึ้น 13.6% โดยที่ "เอชพี" มียอดขายอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 19.5% ตามด้วยเดลล์ 12.1% และอันดับ 3 เอเซอร์ 10.6% ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่จะมีอัตราการเติบโตติดลบ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2009 สำหรับยอดรวมทั้ง ปีนั้น เอชพีก็ยังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาด 18.5% เดลล์ 12.5% และเอเซอร์ 12.3% ขณะที่การ์ดเนอร์รายงานว่า เอชพี มียอดขายอันดับหนึ่งเช่นกัน แต่อันดับ สองคือ เอเซอร์ และเดลล์ตามมาเป็น ที่สาม

flickr:5633957134

การเติบโตของพีซีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2010 เกิดจากความต้องการที่ลดลง และการแข่งขันจากอุปกรณ์ใหม่ที่มาแรงอย่าง iPad ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ทำให้ยอดพีซีตกลงไป นอกจากนี้ ประสบการณ์ในความรู้สึกพอเพียงสำหรับประสิทฺธิภาพของคอมพิวเตอร์ทีใช้ยังแผ่ขยายไปในวงกว้าง อีกทั้งอุปกรณ์ที่เป็นคู่แข่ง (แม้จะใช้งานแทนไม่ได้ 100%) กลับตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าต่อเม็ดเงินที่จ่ายได้ สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2011 ด้วยสาเหตุสำคัญคือ มีเดียแท็บเล็ตกำลังจะกินตลาดพีซี” Doud กล่าวในรายงาน ความต้องการพีซีในประเทศแถบเอเซีย (ไม่รวมญ๊่ปุ่น) จะตกลงเหลือต่ำกว่าสิบเปอร์เซนต์ ในขณะที่ปีก่อนๆ มันมีสูงถึง 30% เลยทีเดียว เฉพาะในสหรัฐ การเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2010 ตกลงจากปีที่แล้ว 4.8%
อย่างไรก็ดี ในขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายพีซีในไตรมาสที่ 4 จะลดลง แต่ผู้ผลิตพีซีอย่าง Lenovo และ Toshiba สามารถเพิ่มทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น ส่วน Dell, HP และ Acer มียอดขายที่ลดลง

นายคิตะกาวะกล่าวเพิ่มเติมว่า "ด้านดีของตลาดพีซีในปีที่แล้ว ก็คือ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2010 กลุ่มผู้ใช้พีซีในระดับมืออาชีพมีอัตรา การเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หากดูยอดรวมของตลาดพีซีทั้งหมด จะพบว่าตลาดเริ่มฟื้นตัวจากการตกต่ำ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตกลับขึ้นมา ในระดับเลขสองหลัก คือ 13.1%ดีขึ้นจากปี 2009 ที่โตได้แค่หลักเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ตลาดพีซีก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในอนาคต จากการ แข่งขันแย่งกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะรุนแรงมากขึ้น"นอกจากนี้ทั้งไอดีซีและการ์ดเนอร์ต่างยืนยันร่วมกันว่า ยอดขายพีซี ในกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจของปี 2010 ยังถือว่าเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพ เพราะองค์กรต่าง ๆ มีความต้องการ ซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเดิมจำนวนมาก

แหล่งที่มา www.arip.co.th

วิเคราะห์
ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) โดยรวมซึ่งประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, โน้ตบุ๊ก รวมถึงเน็ตบุ๊ก ในช่วง ปีที่ผ่านมีการเติบโตที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในส่วนของพีซีตั้งโต๊ะที่ค่อนข้างแน่นิ่งมากขึ้นทุกปีขณะที่มีคอมพิวเตอร์พกพา ทั้งแล็ปทอปและเน็ตบุ๊กมาช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค ด้วยการออกรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้น หรือมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมการก้าวอย่างช้า ๆ ของตลาดพีซีก็ต้องสะดุดในปีที่แล้ว เนื่องมากจากอุปกรณ์อย่าง "ไอแพด" แท็บเลตยุคใหม่เริ่มบุกตลาดจริงจัง และแย่งกำลังซื้อให้ไปเล่นกระดานชนวนไฮเทคกันเป็นจำนวนไม่น้อยมาแล้ว อุปกรณ์ที่สร้างกระแสนิยม ตลาดแท็บเลตยุคใหม่อย่าง "ไอแพด" ของแอปเปิล สร้างผลกระทบอย่างหนักต่อ ตลาด PC แสดงให้เห็นว่า IPAD เป็นแท๊บเลต ยุคใหม่ ที่สะดวก พกพา ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ทำให้ใช้งาน หันความสนใจ และเลือกซื้อ IPAD มาใช้งานแทน พีซี
อย่างไรก็ตามมีความเห็นว่าการเกิดขึ้นของ "ไอแพด" ในปีที่ผ่านมา ช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรม พีซีในภาพรวมคึกคัก เพราะว่าทุกแบรนด์พยายามพัฒนา พีซี ทั้งทางด้าน รูปแบบให้น่าใช้ เบาบาง และราคาถูกลง สะดวกในการพกพา เพื่อกระตุ้นความสนใจต่อผู้ซื้อ และเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ขณะเดียวกัน “IPAD” ก็เป็นหอกข้างแคร่ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ แบรนด์ต่าง ๆ เพราะทำให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีน้อยลง และหันไป ซื้ออุปกรณ์แท็บเลตแทน โดยที่ 6 เดือนแรก หลังเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนแอปเปิลมียอดขายไอแพดอยู่ที่ 7 ล้านเครื่อง และเพิ่มเป็น 14 ล้านเครื่องเมื่อสิ้นปี 2010
แม้ไอดีซีและการ์ดเนอร์ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า มีผู้บริโภคจำนวนมากแค่ไหนที่เปลี่ยนใจจากการซื้อโน้ตบุ๊ก หรือเน็ตบุ๊ก มาเป็นไอแพด แต่การเติบโตของตลาดแท็บเลต ก็มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ไอทีของผู้บริโภคอย่างชัดเจนผู้บริโภคหลายรายให้เหตุผลของ การเลือกซื้อไอแพดแทนพีซีว่า เพราะไอแพดใช้งานได้ง่ายกว่า และแสดงผลได้ดีกว่าเครื่องโน้ตบุ๊ก หรือเน็ตบุ๊ก ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่ากลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะมีการปรับตัวอย่างไร นอกเหนือจากการ ที่ออกอุปกรณ์แท็บเลตมาแย่งเค้กจากไอแพด สังเกตได้ว่าผู้บริโภคเริ่มพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นในการจะเลือกซื้อคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง ซึ่งยิ่งทำให้อุตสาหกรรมพีซีในภาพรวมต้องกังวลกับตลาดของแท็บเลตมากยิ่งขึ้น ทั้งจากความต้องการซื้อของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียที่กำลังลดลง และจากการที่แท็บเลตเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก จนทำให้เกิด "การเปลี่ยนกระแสของตลาดอุปกรณ์ไอทีที่มีอัตราการเติบโต สูงที่สุด"นอกจากนี้คาดการณ์ว่า ในปี 2011 ไอแพดน่าจะทำยอดขายได้มากถึง 44 ล้านเครื่องขณะที่นักวิเคราะห์จากการ์ดเนอร์ นายมิคาโตะ คิตะกาวะ ระบุว่า "จากยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส ปีใหม่ที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายพีซีลดลงในหลาย ๆ ภูมิภาคหลักของตลาด เนื่องมาจากการแข่งขันแย่งกำลังซื้อของผู้บริโภคที่รุนแรงขึ้น ทั้งจากอุปกรณ์แท็บเลตอย่างไอแพด ของแอปเปิล และอุปกรณ์ไอที สำหรับผู้บริโภคแบบอื่น อย่างเช่น เครื่องเล่นเกมคอนโซล ทั้งหมดส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับตลาดพีซี"